ปลัดสธ.
เผยสถานการณ์โรคมือเท้าปากในไทยยังไม่น่าวิตก
กำชับทุกจังหวัดเฝ้าระวังควบคุมรักษาเต็มพิกัด
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
เผยสถานการณ์โรคมือเท้าปากของไทยขณะนี้ยังไม่น่าวิตก
เชื้อที่พบเป็นสายพันธุ์ไม่รุนแรง เพื่อปกป้องความปลอดภัยเด็กเล็ก
สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดและโรงพยาบาลทุกแห่ง
เฝ้าระวังควบคุมป้องกัน และให้การรักษาตามมาตรฐานเต็มพิกัด
ขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา ให้ครู
พี่เลี้ยงเด็กศูนย์เด็กเล็ก วัดไข้
ดูตุ่มพองตามมือเท้าและปากของเด็กทุกเช้า และดูแลความสะอาดสถานที่
ของเล่น ของใช้เด็กให้สะอาด ล้างมือฟอกสบู่หลังสัมผัสสิ่งของ
หลังเข้าห้องน้ำห้องส้วมทุกครั้ง ชี้เป็นผลดี
จะขจัดเชื้อโรคได้ถึงร้อยละ 80
จากสถานการณ์พบเด็กกัมพูชาป่วยและเสียชีวิตจากโรคมือเท้าปากประมาณ
64 ราย ตั้งแต่เดือนเมษายน2555เป็นต้นมา
โดยผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่าเกิดจากเชื้อเอ็นเทอโรไวรัส 71
ซึ่งเป็นชนิดรุนแรงทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้นั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ วันนี้ ( 10
กรกฎาคม 2555 ) นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ให้สัมภาษณ์ว่า จากการประเมินสถานการณ์ของโรคมือเท้าปาก (Hand Foot Mouth)ในประเทศไทยขณะนี้พบว่ายังไม่น่าวิตก
และโรคนี้เป็น 1 ใน 57
โรคที่กระทรวงสาธารณสุขเฝ้าระวังต่อเนื่องทุกปี ในรอบ 6
เดือนปีนี้พบผู้ป่วยโรคมือเท้าปากประปรายกระจายหลายจังหวัด
ยังไม่พบการระบาดของโรคเป็นกลุ่ม โดยตั้งแต่ 1 มกราคม 1
กรกฎาคม 2555 สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานพบผู้ป่วย 10,813 ราย
ร้อยละ 72 เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ไม่มีผู้เสียชีวิต
จากการตรวจสอบเชื้อของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
พบเกิดจากเชื้อ 2 ชนิด คือ คอกซากี เอ 16 (Coxsackie A 16)และเอ็นเทอโรไวรัส 71 (Entero Virus 71) ซึ่งมีหลายสายพันธุ์
และที่พบในไทยเป็นชนิดที่ไม่รุนแรง นอกจากนี้
ในเด็กที่เสียชีวิตในกัมพูชาพบว่าส่วนใหญ่อยู่ในพนมเปญด้านประเทศเวียดนาม
และพบส่วนน้อยประมาณ 5 รายอยู่ที่เสียมเรียบ จึงขอให้พ่อแม่
ผู้ปกครองเด็กไม่ต้องตื่นตระหนก หรือวิตกกังวลมากเกินไป
กระทรวงสาธารณสุขจะติดตามสถานการณ์โรคอย่างใกล้ชิด
และประสานกับหน่วยงานต่างประเทศ เช่น
ศูนย์ป้องกันควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา หรือซีดีซี
และองค์การอนามัยโลกอย่างต่อเนื่อง
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า ปีนี้ฝนตกชุกมาก
อากาศเย็นและชื้น แนวโน้มอาจทำให้พบผู้ป่วยโรคนี้มาก
ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข
ได้มีมาตรการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคในทุกจังหวัดอยู่แล้ว
แต่ขณะนี้มีรายงานผู้ป่วยในหลายจังหวัดเพิ่มขึ้น
วันนี้ได้ทำหนังสือสั่งการด่วน
กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ และประสานกับกทม.
เฝ้าระวังโรคนี้อย่างต่อเนื่อง
หากมีผู้ป่วยให้ทำการควบคุมป้องกันโรคโดยเร็วที่สุด
และกำชับทีมแพทย์โรงพยาบาลทุกแห่ง
โดยเฉพาะกุมารแพทย์ให้ตรวจโรคอย่างละเอียดตามมาตรฐานการรักษา
เพราะโรคนี้หากตรวจพบและรักษาได้เร็วจะลดความรุนแรงได้
นอกจากนี้
ยังได้ทำหนังสือขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่รับผิดชอบดูแลศูนย์เด็กเล็ก
ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก และสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลและประถมศึกษาในพื้นที่
ขอให้ดูแลความสะอาดของสถานที่ ของเล่น ของใช้เด็กให้สะอาด
ล้างมือฟอกสบู่หลังสัมผัสสิ่งของ หลังเข้าห้องน้ำห้องส้วมทุกครั้ง
ซึ่งจะช่วยขจัดเชื้อโรคได้ถึงร้อยละ 80โดยเชื้อโรคมือเท้าปากจะอยู่ในอุจจาระของเด็กที่ป่วยได้นานถึง
6 สัปดาห์ และติดมากับมือ ปนเปื้อนในอาหาร
น้ำ หรือของเล่น และขอให้ตรวจวัดไข้ ดูตุ่มพองตามมือ เท้า
หรือในปากของเด็กทุกเช้า หากพบว่าเด็กมีไข้สูงอย่างน้อย 2 วัน
หรือไข้สูงร่วมกับมีแผลในปาก หรือมีแผลที่มือ เท้า หรือเด็กมีอาการซึม
หอบเหนื่อยหรือดูแล้วเด็กมีอาการแย่ลง
จึงแจ้งผู้ปกครองให้พาเด็กไปพบแพทย์ และหยุดอยู่บ้านจนกว่าจะหาย
และขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่อยู่ใกล้
เพื่อควบคุมโรคไม่ให้ติดไปยังเด็กคนอื่นๆ
สำหรับผู้ปกครอง ศูนย์เด็กเล็ก
หรือสถานศึกษาที่พบเด็กป่วยเป็นโรคมือเท้าปาก
ขอให้ทำความสะอาดพื้นผิวที่เด็กสัมผัส เช่น พื้นอาคาร ผนัง ตู้ โต๊ะ
เก้าอี้ ด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมของน้ำยาฟอกผ้าขาวอย่างถูกวิธี
ส่วนของเล่นที่เด็กอาจเอาเข้าปาก
ขอให้ล้างทำความสะอาดด้วยผงซักฟอกตามปกติแล้วผึ่งแดด
ก็จะสามารถฆ่าเชื้อได้ และขอให้กำจัดอุจจาระเด็กที่ป่วยอย่างถูกวิธี
โดยเทลงส้วม
หรือกรณีใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปขอให้ใส่ลงในถุงพลาสติกและมัดปากก่อนทิ้งลงถังขยะ
ดูแลเรื่องอาหารให้สะอาด
และล้างมือให้บ่อยขึ้น
************************** 10 กรกฎาคม
2555
|